กลุ่มผู้เชื่อใน "วันน้ำท่วมโลก" ได้อ้างอิงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หลักๆ 2 ข้อ คือ 1.ข้อมูลจากนักวิจัยของหมู่เกาะกรีนแลนด์ ซึ่งตั้งในมหาสมุทรอาร์กติกทางเหนือสุดและเป็นเกาะใหญ่ที่สุดในโลก พื้นที่ประมาณ 2.2 ล้าน ตร.กม. นักวิจัยกลุ่มนี้อ้างถึงผลสำรวจการละลายของน้ำแข็งที่มีปริมาณมหาศาล หรือประมาณ 19 ร้อยล้านตัน เมื่ออุณหภูมิโลกสูงขึ้นเนื่องจากภาวะโลกร้อน น้ำแข็งเหล่านี้กำลังละลายกลายเป็นน้ำวันละถึง 1 ล้านตัน โดยจะไหลลงมาสะสมจนทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในปี 2012 ซึ่งตรงกับคำทำนาย

ภาพจำลองขั้วแม่เหล็กเหนือใต้ของโลก
ส่วนที่ 2 เป็นกลุ่มนักวิจัยอวกาศที่อ้างว่า องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (นาซา) คำนวณว่า ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 แกนโลกจะพลิกกลับขั้ว หมายความว่า ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้นโลกจะไม่มีพลังจากสนามแม่เหล็กเพื่อป้องกันรังสีต่างๆ จากอวกาศเป็นการชั่วคราว และในวันที่ 22 ธันวาคม จะเป็นวันที่ดวงอาทิตย์แผ่สนามแม่เหล็กและรังสีความร้อนสูงมายังโลก เป็นจังหวะเดียวกับที่โลกไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง หายนะที่คาดว่าจะเกิดขึ้นคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลันทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมโลกอย่างรวดเร็วจนคนทั่วโลกหนีไม่ทัน
กลุ่มผู้รู้ในเมืองไทยที่ถูกอ้างอิงบ่อยๆ คือ ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ผู้ทำนายว่ากรุงเทพฯ จะจมใต้บาดาลในปี ค.ศ. 2015 และ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้คิดค้นระบบการลงจอดยานอวกาศบนดาวอังคารร่วมกับองค์การนาซา ทำนายว่าโลกต้องเกิดภัยพิบัติครั้งมโหฬารในปี ค.ศ.2017 นอกจากนี้ยังมี พระภิกษุ แม่ชี ฤาษีอีกหลายสำนัก ที่ให้คำทำนายคล้ายกันว่าอีกไม่กี่ปีข้างหน้าโลกจะพบอุทกภัยน้ำท่วมครั้งมโหฬาร คำทำนายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล หลายคนอาจเชื่อหรือไม่เชื่อ
